เกาหลีใต้จะดำเนินมาตรการ "เพื่อแก้ไขความเสี่ยงด้านการค้าเหล็กและอลูมิเนียมและการนำเข้าที่ไม่เป็นธรรมร่วมกับอุตสาหกรรมในประเทศ" กระทรวงการค้า อุตสาหกรรมและพลังงาน กล่าวเมื่อวันที่ 19 มีนาคม
ขณะที่อุปสรรคการค้าทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น เช่น สหรัฐฯ กำหนดภาษีนำเข้าเหล็ก 25% โดยไม่มีข้อยกเว้นตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม นั้น รัฐบาลจะเสริมสร้างการบริหารความเสี่ยงด้านการค้า และสนับสนุนบริษัทต่างๆ เพื่อเอาชนะวิกฤตในระยะสั้นได้ กระทรวงกล่าว
“ก่อนอื่นเลย จะต้องมีการหารืออย่างใกล้ชิดกับประเทศใหญ่ๆ ที่มีประเด็นด้านการค้า เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และอินเดีย” โดยกระทรวงฯ กล่าว เน้นย้ำกลไกการปรับพรมแดนคาร์บอนของสหภาพยุโรปและการไต่สวนมาตรการการป้องกันการนำเข้า (safeguard) สินค้าเหล็กของอินเดีย
ในช่วงเดือนเมษายน 2024 ถึงมกราคม 2025 การนำเข้าเหล็กกล้าของอินเดียจากเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 11.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สู่ระดับ 2.44 ล้านตัน ทำให้เกาหลีกลายเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่สุดของอินเดียในช่วงเวลาดังกล่าว
อีกทั้ง เกาหลีใต้จะใช้ประโยชน์จากหน่วยงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งเกาหลี (Korea Trade-Investment Promotion Agency : KOTRA) 119 แห่ง ใน 81 ประเทศ ซึ่งทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มธุรกิจระดับโลก สำหรับบริษัทในประเทศที่ต้องการขยายธุรกิจในระดับนานาชาติ
และเพื่อป้องกันการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม เกาหลีใต้จะแก้ไขกฎระเบียบศุลกากรและอนุญาตให้คณะกรรมการการค้าเกาหลี (Korea Trade Commission : KTC) สามารถไต่สวนการหลีกเลี่ยงอากรการตอบโต้การทุ่มตลาด (circumvention of antidumping duties) โดยการใช้วิธีการเปลี่ยนเส้นทางผลิตภัณฑ์ผ่านประเทศที่สาม
KTC เตรียมจัดตั้งคณะทำงาน 56 คน ภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาการแอบอ้างสินค้าที่นำเข้ามาเป็นสินค้าผลิตในประเทศ เพื่อจำหน่ายในประเทศหรือส่งออก
มาตรการของ KTC จะสนับสนุน "การไต่สวนการทุ่มตลาดอย่างต่อเนื่องสำหรับเหล็กแผ่นรีดร้อน และเหล็กแผ่นหนา (hot rolled flat steel and thick plates) " กระทรวงกล่าว
MTC (mill test certificate) จะกลายเป็นเอกสารบังคับในการยื่นสำหรับการนำเข้าเหล็กทั้งหมด โดย MTC ซึ่งออกโดยบริษัทผลิตเหล็ก ต้องมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดสินค้าที่มากขึ้นและแหล่งกำเนิดสินค้ามากกว่าใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าที่มีอยู่เดิม เพื่อให้สามารถติดตามสถานะปัจจุบันของวัตถุดิบเหล็กที่ไหลและจำหน่ายในเกาหลีได้แม่นยำยิ่งขึ้น กระทรวงกล่าว
มองไปข้างหน้า แผนพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กซึ่งประกอบด้วยพิมพ์เขียวสำหรับอนาคตของอุตสาหกรรมเหล็ก กระทรวงฯ กล่าวว่า “จะเตรียมพร้อมภายในปีนี้...เพื่อตอบสนองต่อเรื่องของอุปทานส่วนเกินทั่วโลก เราจะมุ่งเน้นไปที่ตลาดใหม่ๆ เช่น เหล็กคาร์บอนต่ำและมูลค่าเพิ่มสูง แทนที่จะแข่งขันกันในเรื่องราคาและปริมาณ”กระทรวงฯ กล่าว พร้อมเสริมว่าจะมีการกำหนดมาตรฐานเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ (low-carbon steel standards).
นอกจากนี้ ยังมีแผนงานส่งเสริมการสร้างรากฐานสำหรับตลาดใหม่ๆ เช่น การวิจัยและพัฒนา (R&D) ทรัพยากรบุคคล และวัตถุดิบ (เศษเหล็ก) อีกด้วย
มาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากกระทรวงประกาศเมื่อวันที่ 13 มีนาคม ว่ากำลังดำเนินการตอบสนองต่อภาษีนำเข้าเหล็กของสหรัฐฯ เกือบหนึ่งสัปดาห์